รายงานการอบรม

HRD ๑๒

แบบประเมินผลการไปประชุม /อบรม / สัมนา / ศึกษาดูงานภายนอกโรงพยาบาล

ส่วนที่ ๑ แบบประเมินผลตนเอง (ส่งภายใน ๒ สัปดาห์)

๑. ชื่อ - นามสกุล :: นางวิไลวรรณ เชยสูงเนิน แผนก / หน่วยงาน :: ผู้ป่วยนอก ( OPD )

ตำแหน่ง :: พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

วันที่เริ่มอบรม :: 11 เมษายน 2559 เวลา 08:30 น.

วันที่สิ้นสุดการอบรม :: 11 เมษายน 2559 เวลา 16:30 น.

หัวข้อการอบรม :: การช่วยกู้ชีพทารกทารกแรกเกิด( Neonatal Resuscitation)

หน่วยงานผู้จัด :: ห้องประชุมโรงพยาบาลขลุง อ.ขลุง จ.จันทบุรี

ประเภทการอบรม :: ภายใน วิทยากร :: ไม่เป็นวิทยากร

เบิกค่าใช้จ่ายจาก รพ. :: 0.00 บาท เบิกค่าใช้จ่ายจากหน่วยงานผู้จัด :: 0.00 บาท

๒. สรุปความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ ::

1.การประเมินทารกที่ควรได้รับการกู้ชีพมี3ข้อคือ
1.1อายุครรภ์ครบกำหนดหรือไม่
1.2ความตึงตัวของกล่ามเนื้อดีหรือไม่
1.3หายใจหรือร้องดังหรือไม่
2.ทารกแรกเกิดที่พบขี้เทาในน้ำคร่ำและ not Vigorus ดูแลโดย
2.1แพทย์ต่อETT กับ   Aspirator
2.2ดูด Meconium  แล้วถอยท่อออกช้า นับ1พัน,2พัน,3พันแล้วถอยออก
2.3ทำซ้ำหากดููดmeconium ครั้งแรกมาก
3.การดูแลทารกแรกเกิดที่ไม่มีขี้เทา
3.1Suctionด้วยลูกยางแดง ปากแล้วจมูก ( mouthมาก่อน nose)
3.2เช็ดตัวให้แห้ง
3.3กระตุ้นให้หายใจ -ตบหรือดีดฝ่าเท้า,ลูบเบาๆที่หลัง ลำตัวแขนขา 
4.หลัง Initial step 30วินาที จะทำการประเมิน
4.1การหายใจ หายใจเฮือกหรือไม่หายใจ
4.2อัตราการเต้นของหัวใจ :<100 ครั้ง/นาที  (6วินาทีคูณ 10)
5.ค่าออกซิเจนในเลือดที่เปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาหลังเกิด (Target preductal Spo2  after birth)
   1 min     60-65 %
   2 min     65-70 %   
   3 min     70-75 %
   4 min     75-80 %
   5 min     80-85 %
 10 min     85-95 %
6.การให้ออกซิเจน
เริ่มกูชีพโดยใช้ความเข้มข้นที่ room air ก่อน
7.ข้อบ่งชี้การฃ่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
7.1ทารกหยุดหายใจหรือหายใจเฮือก
7.2อัตราการเต้นของยังคงหัวใจน้อยกว่า 100ครั้ง/นาที
7.3ตัวเขียวและ Spo2 ต่ำ ขณะได้ 100% oxygen
8.การใช้หน้ากากMask  -ครอบตั้งแต่คางปากและจมูก ไม่กดตา แนบสนิทกับหน้าของทารก
9.อัตราการช่วยหายใจระหว่างการช่วยกู้ชีพ (บีบแอมบู)- 40-60 ครั้ง/นาที
วิธีนับ บีบ....สอง...สาม...บีบ..สอง.....สาม...บีบ
              (ปล่อย)                (ปล่อย)
10อาการที่บ่งชี้ว่าทารกดีขึ้น สามารถหยุดPPVได้
10.1 อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ( >100 ครั้ง/นาที)
10.2ทารกมีผิวสีชมพูขึ้น
10.3หายใจได้เอง
10.4ความตึงตัวของกล้ามเนื้อดี
11.ทารกที่ได้รับการPPVเป็นเวลานานหลายนาทีควรได้รับการใส่สายสวนกระเพาะอาหารเนื่องจากก๊าซที่เฃ้าสู่กระเพาะอาหารจะรบกวนการหายใจของทารก
(ก๊าซใกระเพาะอาหารที่มากเกินไป->มีการย้อนกลับของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารขึ้นมา--> aspirate
12.ข้อบ่งชี้ของการกดนวดหน้าอก
12.1อัตรการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที ทั้งๆที่ทารกได้รับการPPVอย่างเพียงพอแล้วเป็นเวลา30 วินาที
การกดหน้าอกประกอบด้วยการกดบนsternumอย่างเป็นจังหวะ
-หัวใจไปชนกับกระดูกไขสันหลัง
-ความดันในช่องอกเพิ่มขึ้น
-เกิดการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะที่สำคัญ
13.ตำแหน่งการวางมือ มี2 เทคนิค
13.1 เทคนิคการใช้นิ้วหัวแม่มือ( 2 thumb technique) ดีกว่าเมื่อยล้า ควบคุมความลึกได้ดีกว่า
13.2เทคนิคการใช้สองนิ้วมือ
14.อัตราการกดหน้าอกและกดหน้าอกประสานกับการช่วยหายใจ 3:1 หนึ่งและสองและสามและบีบ
. ทำ45-60 วินาที
หยุกกดนวดหัวใจเมื่อ อัตราการเต้นของหัวใจกลับมา คลำชีพจรที่สะดือชัด หยุดกดนวดหัวใจแต่ยังคงช่วยหายใจ(PPV )ด้วยอัตรา40-60 ครั้ง/นาที
ถ้าHR >100 ครั้ง/นาที และทารกหายใจได้เองเลิกช่วยหายใจอย่างช้าๆ
15.ข้อบ่งชี้ของการใส่ETT
-Non vigorus 
-If bag-mask ventilation is not ineffective or prolong
-when chest compressions are performed (ดำเนินการ?)
-For special resuscition circumstances,such as congenital  diaphragmatic hernia or extremely LBW
16.การเตรียมท่อช่วยหายใจ Laryngoscope  เบอร์0 -->preterm
เบอร์ 1 --> Term 
การใส่ท่อช่วยหายใจควรใส่ด้วยความรวดเร็วภายใน 30 วินาที
17.เครื่องดูดเสมหะใช้แรงดัน 100  มิลลิเมตรปรอท
18.การให้ยา Adrenline  ใช้เมื่อPPV แล้วเมื่อ30 วินาที และPPV+กดหน้าอกอีก30 วินาที ทารกยังมีHR  <60 ครั้ง/นาที
ความเข้มข้นของยาที่ใช้   1: 10,000   (0.1 mg/ml)    
บริหารยาทาง   vein        ขนาด 0.1-0.3 mg/kg
บริหารยาทาง   ET  tube ขนาด 0.5 - 1 ml/kg

(คำถาม  การให้ adrenalin ในผู้ป่วย arrest ให้ผสม 1 mp(1mg/ml)ต่อNSS9mlจะได้1:10000 ใน10mlแล้วถ้าแพทย์สั่งให้ 1 mg หมายถึงให้เราฉีดแค่1mlหรือฉีดทั้ง 10 mlคะ รบกวนด้วยค่ะ คำถาม นศ.พยาบาลจบใหม่ งงน่ะค่ะ อ่านแล้ว18682 คร้ัง
คำตอบจากเภสัชกร ภญ.วริยา สารรัตนะ
การผสมยา adrenaline ใน normal saline (NSS) เพื่อเจือจางยาก่อนฉีด เมื่อผสม adrenaline 1 ampule ปริมาตร 1 mL (เข้มข้น 1:1000 หรือ 1 mg/mL) ใน NSS 9 มิลลิลิตร จะได้สารละลาย 10 มิลลิลิตร ซึ่งมีปริมาณของ adrenaline 1 mg เท่าเดิม แต่ได้ความเข้มข้นของ adrenaline หลังผสมเท่ากับ 1:10000 (adrenaline 1 mg ใน NSS ปริมาตร 10 mL หรือ 0.1 mg/mL)

การบริหารยาให้ได้ adrenaline 1 mg จึงต้องฉีดสารละลายทั้ง 10 มิลลิลิตร การฉีด adrenaline ที่เจือจางแล้ว เพียง 1 มิลลิลิตร จะทำให้คนไข้ได้รับ adrenaline เพียง 0.1 mg เท่านั้น ส่วนการฉีด adrenaline โดยไม่เจือจางก่อนเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดหดตัวอย่างรุนแรง และเกิดกล้ามเนื้อตายได้ )
19.การให้สารน้ำ 
สารน้ำ NSS ,Ringer's lactase 10 mg/kg ภายใน 5-10 นาที